วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ผี เรื่องผี เรื่องเล่าสยองขวัญ วิญญาณช่วยคน

ดาวทอง เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อหนีระเบิดครั้งกรุงเทพฯ โดนบอมบ์

ผมเป็นคนกรุงเทพฯ มาแต่อ้อนแต่ออก ตอนที่เกิดมหาสงครามโลกครั้งที่สอง มีท่านผู้ใหญ่บอกว่ากรุงเทพฯ มีประชากรราวหนึ่งล้านคนเท่านั้นเอง...บางท่านยืนยันว่าคนน้อยแต่ผีเยอะ!

ย่านบ้านหม้อคือถิ่นผมตั้งแต่เกิด สมัยนั้นยังไม่มีปากคลองตลาด ต้นทางเรียกกันว่า "คลองโรงไหมวังหน้า" ตอนกลางเรียกว่า "คลองหลอด" มาถึงด้านนี้เรียกว่า "คลองตลาด"

ในยุคจอมพล ป.พิบูลสงคราม ฉายา "นายพลตราไก่" เพราะเกิดปีระกา ได้เป็นนายกรัฐมนตรีสั่งให้ย้ายตลาดจากท่าเตียนมาอยู่ที่ปากคลองตลาดเมื่อปี 2496 รุ่งเรืองเฟื่องฟูมาจนถึงทุกวันนี้

สมัยสงครามเครื่องบินสัมพันธมิตรบินมาทิ้งระเบิดกรุงเทพฯ ตอนกลางคืน (เรียกว่า "ปล่อยไข่เหล็ก") ตั้งแต่หัวลำโพง เทเวศร์ ราชวงศ์ยันปากคลองตลาด จนถึงสะพานพระพุทธยอดฟ้านี่ซีครับ พวกเด็กๆ ทั้งตื่นเต้นและสนุกสนานอย่าบอกใครเชียว

วัดเลียบ หรือวัดราชบูรณะถูกระเบิดถล่มแหลก ลาญ จนเหลือแต่พระปรางค์องค์เดียวเท่านั้น จนทางการต้องประกาศยุบวัด

บางคนบอกว่าเพราะโดนไข่เหล็กทิ้งบอมบ์จนราบเรียบ เลยเรียกว่า "วัดเลียบ"

มีคนแย้งว่าสมัยก่อนมีชาวจีนมาค้าขายทางเรือสำเภาคนหนึ่งชื่อจีนเลี้ยบ ต่อมาร่ำรวยขึ้นจึงสร้างศาลาเอาไว้ทำบุญ ชาวบ้านร้านช่องแถวบ้านหม้อกับปากคลองตลาดก็ช่วยสร้างเจดีย์และวิหาร เรียกกันว่า "วัดจีนเลี้ยบ" ในที่สุดก็เหลือเพียง "วัดเลียบ" มาถึงทุกวันนี้

คนไทยนิยมทำบุญที่วัดเลียบหรือวัดโพธิ์ แต่คนจีนจะไปไหว้เจ้าที่ศาลบ้านหม้อ ใกล้ๆ บ้านผมพอดี...วันนี้จะเล่าเรื่องขนหัวลุกจากบังมุดให้ฟังครับ!

"บังมุด" เป็นชายวัยกลางคน ชอบนุ่งโสร่งเก่าๆ ตัวเดียว เสื้อแสงไม่นิยมสวมใส่โชว์อกคล้ายจะอวดซี่โครงกงโก้ เดินท่อมๆ ผ่านไปมาจนคุ้นตาชาวบ้าน อาชีพรับจ้างทำงานจิปาถะ...หาได้เท่าไหร่ก็เอาไปเผาวอดวายในบ้องฝิ่นที่ซอย ท่าโรงยาจนหมดสิ้น

ว่ากันว่าแกเป็นคนจรจัด เดี๋ยวไปนอนที่วัดโพธิ์บ้าง ท่าเตียนบ้าง วัดเลียบบ้าง วันๆ ไม่เห็นแกพูดจากับใคร พวกเด็กๆ ชอบล้อเลียนบังมุดว่าเป็นขี้ยา แต่แกไม่แยแส นานๆ ถึงจะมาถลึงตาใส่ซักครั้ง ตาพองๆ ในหน้าดำๆ นั่น พวกเด็กจอมแก่นเห็นเข้าก็ถึงกับเผ่นอ้าวไปตามๆ กัน

พ่อผมเคยจ้างแกไปซื้อของกินของใช้ที่เวิ้งนาครเขษมบ้าง จ้างแกมาทำความสะอาดร้านกาแฟบ้าง บางทีก็ให้ทั้งเงินกับบุหรี่ แม่ก็ห่ออาหารให้แกไปกิน บังมุดกับที่บ้านผมค่อนข้างจะสนิทสนมผูกพันกันดี

วันหนึ่งก็มีข่าวร้าย!

เครื่องบินของสัมพันธมิตรมาหย่อนใส่กรุงเทพฯ ทั้งวัดเลียบ สะพานพุทธไม่ถึงกับขาดหรือพังทลาย แต่ก็เสียหายยับเยิน ส่วนวัดเลียบก็ราบเรียบไป

ผู้คนแถวบ้านผมอุ้มลูกจูงหลานวิ่งหนีลูกระเบิดไปลงหลุมหลบภัยกันจ้าละหวั่น...ตอนนั้นผมอายุราว 4-5 ขวบ วิ่งตื๋อนำหน้าพ่อแม่เป็นประจำ

ลือกันว่าคืนนั้นบังมุดดวงขาด ไปซุกหัวนอนในวัดเลียบ...ตายคาที่ครับ

ระยะหลังๆ ก่อนสงครามสงบไม่นาน ข้าศึกมาทิ้งบอมบ์เมืองหลวงของเราไม่เลิกรา แถมดุเดือดยิ่งกว่าเก่าด้วยซ้ำ เพราะช่วงแรกๆ จะมาตอนเดือนหงาย แต่ช่วงนี้เดือนมืดมันก็มา จุดพลุไฟสว่างจ้าแทนแสงจันทร์

คืนหนึ่ง พวกเราชาวบ้านหม้อก็ถูกหวยกันจังเบอร์!

เสียงหวอโหยหวนน่าขนลุก ฟังคล้ายเปรตขอส่วนบุญหรือยมบาลกู่ร้องไปเมืองนรก

เผ่นกันกระเจิงซีครับ เป้าหมายคือหลุมหลบภัย บางคนอยู่ดีๆ ดันมาเกิดปวดท้อง ทั้งหนักและเบาเอาตอนนี้แหละ ทุกๆ บ้านดับไฟกันหมดสิ้นเพื่อไม่ให้ข้าศึกมองเห็น ใครขืนจุดไฟจะโดนตำรวจจับข้อหาว่าเป็น "แนวที่ ห้า" หรือ สายลับของศัตรู

ผมวิ่งตื๋อนำหน้าเช่นเคย พ่อกับแม่อุ้มน้องผมคนละคน แม่ร้องให้ผมโดดลงหลุมเร็วๆ ผมก็รับคำ...แต่ก็ต้องชะงักงันที่ปากหลุม เมื่อเห็นใครคนหนึ่งแหงนหน้าขึ้นจ้องมองตาวาว...

บังมุดนั่นเอง! ผมร้องจ้า หงายหลังไปชนพ่อ แม่คว้าแขนไว้แต่ผมดิ้นรนสุดขีด ร้องร่ำแต่ว่า...ไม่ไป! ตามุดอยู่ในหลุม...ว่าแล้วก็สะบัดตัวหลุดเผ่นอ้าว พ่อแม่ต้องพลอยอุ้มน้องวิ่งตามผมมาด้วย เสียงแม่ร้องว่า... ไปไหน? แกจะไปไหน...

แทบจะไม่ขาดเสียงด้วยซ้ำ ไข่เหล็กก็หวีดหวิวชวนขวัญหายลงมาระเบิดตูมตรงหัวมุมบ้านหม้อ ตัดกับถนนจักรเพชร...อีกตูมในหลุมหลบภัย แม่นยำราวกับผี จับยัด!

ถ้าไม่เจอบังมุดที่มาเตือนภัยพวกเราคงกลายเป็นซากเละเทะในหลุมหลบภัย แบบเดียวกับเพื่อนบ้านสิบกว่าคนในหลุมนั้นแน่นอน! บรื๋อออ...

ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

คลังบทความของบล็อก