วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เรื่องผี ขนหัวลุกบ่อนไพ่ตอง ข้างวัดจันทร์ฯ บางกระบือ

ขุนอาจ เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากบ่อนไพ่ตองข้างวัดจันทร์ฯ บางกระบือ

สมัยเด็กๆ ผมอยู่ซอยองครักษ์ บางกระบือนี่เอง ผมเคยตามยายไปเล่นไพ่ผ่องไทยที่บ้านป้าพริ้ง ในซอยข้างวัดจันทร์สโมสรหน้าตลาดสดพอดี เป็นบ่อนตีตั๋วถูกกฎหมายเรียบร้อย ไม่ต้องเล่นไปเหลียวไปเพราะกลัวโดนตำรวจจับ

จั่วไพ่เสียงใสกันตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืน อาหารการกินที่มีทั้งข้าวราดแกง ก๋วยเตี๋ยว บะหมี่ พร้อมขนมที่หมุนเวียนกันไป ใครอยากได้น้ำชากาแฟ เหล้าบุหรี่ก็สั่งเด็กได้...แต่ถ้าเลยสองยามแล้วใครอยากเล่นต่อก็ต้องทยอย หลบขึ้นชั้นบน วัดดวงกับโปลิศเอาเองละกัน

"ยายผล" อายุราว 70 ปี ผมขาวโพลนไปทั้งหัว เป็นคนฝั่งธนฯ ลงเรือไอข้ามฟากมาขึ้นที่ท่าเขียวไข่กา แล้วนั่งสามล้อมาบ่อน ตอนดึกๆ บ่อนเลิกก็หาสามล้อไปที่ท่าน้ำ แล้วนั่งเรือจ้างที่คุ้นๆ หน้ากันข้ามแม่น้ำเข้าคลองซอยจนถึงบ้าน

เคยถามว่าทำไมไม่ไปท่าวัดจันทร์ แกบอกเรือจ้างหายากกับกลัวหมารุมฟัดตายน่ะซี!

แต่หลายครั้งกว่ายายผลจะออกจากบ่อนก็ปาเข้าไปตีห้า ผู้คนออกมาจ่ายตลาดกันแล้ว...บางคนบอกว่าแกเป็นคนบางพลัด แต่บางคนก็บอกว่าบางอ้อ...แต่ที่แน่ๆ คือยายผลจะมีเรื่องน่าขนหัวลุกมาเล่าในวงไพ่เป็นประจำ!

จะจริงเท็จยังไงก็ลองฟังดูนะครับ

อาทิตย์ก่อนบ่อนเลิก แกนั่งสามล้อไปถึงท่าน้ำ เห็นใครนั่งยองๆ มีผ้าขาวม้าคลุมหัว สูบยาแดงวาบๆ อยู่บนโป๊ะ พอเดินใกล้เข้าไปกลับไม่เห็นใครแม้แต่คนเดียว ยายผลคิดว่าแกตาฝาดไปเพราะจ้องหน้าไพ่พวกเจ็ดนก-หกละเอียดมาตั้งหลายชั่วโมง

ที่ไหนได้ล่ะ พอเรือตาผูกขาประจำแจวออกมาได้อึดใจเดียวก็หันไปดูอีกที หวิดตกน้ำตกท่าเพราะอารามอกสั่นขวัญหายสุดขีด...ร่างนั้นยังนั่งชันเข่าสูบ ยาแดงวาบๆอยู่ที่เดิม!

เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ยายผลเล่าว่าแกโดนผีหลอกกลางวันแสกๆ

ยายผลนั่งเรือไอมากับคนอื่นๆ มีเด็กชายไว้ผมจุก นุ่งกางเกงแพรสีเหลืองสดสวมเสื้อป่านคอกลมสีขาวหน้าตาน่ารักนั่งอยู่ข้างๆ คนเดียว ไม่เห็นผู้ใหญ่ที่จะเป็นพ่อแม่นั่งมาด้วย แต่แกก็ไม่ได้คิดอะไรมากจนเรือ เทียบท่า

ใครๆ เขาขึ้นจากเรือกันหมด แต่เจ้าจุกก็ยังนั่งเฉยอยู่กับที่ แกเองรีบขึ้นเหมือนกัน แต่เมื่อเหยียบโป๊ะหันไปมองก็แทบจะพลัดตกน้ำอีกครั้ง

เด็กผมจุกหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้?!

เรื่องของยายผลมีทั้งคนเชื่อและไม่เชื่อ บางคนก็หาว่าแกตาฝาดไปเองตามประสาคนแก่ แถมคอยจ้องแต่สี่มะเขือผ่า-ห้าแตงโมอยู่ตลอด...บางคนถึงกับนินทาว่าแกแต่ง นิยายเอง เชื่อเป็นตุเป็นตะไปเอง พลอยทำให้คนอื่นๆ ขนหัวลุกไปด้วยน่ะซี

คนที่เชื่อก็อ้างว่าเด็กๆ กับคนแก่น่ะจะมีจิตใจอ่อนไหวเป็นพิเศษยิ่งกว่าคนหนุ่มสาวทำให้มองเห็นและได้ ยินสิ่งที่คนทั่วไปไม่ได้ยิน จึงมองเห็นหรือได้ยินทั้งภาพและเสียงภูตวิญญาณที่เป็นสัมภเวสี หรือผีเร่ร่อนได้ง่ายๆ

คนสองวัยนี้จึงมีโอกาสถูกผีหลอกมากที่สุด!

อาทิตย์สุดท้าย ยายผลโผล่เข้ามาตอนบ่าย ค่อนข้างอุ้ยอ้ายล่าช้าตามประสาคนเจ้าเนื้อที่เราเห็นจนชินตา ป้าพริ้งต้องให้ "น้านุ้ย" ลูกชายคนโต "ขัดขา" ไปก่อน (เขาเรียกคันขา) ยายผลเดินช้าๆ ใปเข้าห้องน้ำด้านขวาที่มองเห็นกันชัดเจน

คราวนี้มีสิ่งผิดปกติจนเอะใจไปตามๆ กัน เพราะยายผลหายเงียบไปนานจนน้านุ้ยนึกขึ้นได้ พวกขาไพ่ก็มีสีหน้าสีตาไม่ค่อยสบายใจ ต่างคนต่างหวาดระแวงว่ายายผลแกอาจจะเป็นลมเป็นแล้งอยู่ในส้วมก็เป็นได้

"ไปดูเร็วเข้าโว้ย" ป้าพริ้งร้อง "แกคงเป็นลมไป แล้วมั้ง"

ที่ไหนได้ ห้องน้ำว่างเปล่า ไม่มีวี่แววยายผลแม้ แต่เงา!

ร้องเอะอะช่วยกันหาจนคนที่เดินผ่านไปมาหยุดมอง แต่ก็ไม่เห็นจริงๆ สงสัยว่าแกคงจะออกไปหาซื้อหมากพลูกินตามประสาคนแก่ ที่บ่อนเลี้ยงอาหารกับขนมเท่านั้น พวกบุหรี่หรือน้ำชากาแฟต้องสั่งซื้อเอาเอง...แต่ก็ตามหาตัวยายผลไม่พบ ทั้งๆ ที่เห็นแกมากันทุกคน

มารู้ทีหลังว่าแกเป็นลมอยู่ในเรือ เมื่อมาถึงท่าเขียวไข่กาเขาก็พาแกไปส่งวชิรพยาบาล แต่แกไปสิ้นลมที่นั่นเอง...วิญญาณโลดลิ่วมาหาพวกเราจนขนหัวลุกไปตามๆ กัน!


ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

คลังบทความของบล็อก