วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ผี เรื่องผี เรื่องเล่าสยองขวัญ ขนหัวลุกจากซอยอารีย์

วิทูรย์ เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากซอยอารีย์

เลิกเหล้า เลิกจน เริ่มต้นเข้าพรรษา

เดือนหน้าก็จะถึงเทศกาลเข้าพรรษาแล้ว เป็นโอกาสในการหยุดดื่มสุราไปถึง 3 เดือน ช่วยประหยัดทรัพย์ ห่างไกลโรคร้าย โดยเฉพาะการเกิดอุบัติเหตุต่างๆ อีกด้วย

สุราอันว่าเหล้าทำให้ผู้ดื่มขาดสติ ก่อคดีต่างๆ นานา ไม่ว่าวิวาทบาดถลุงแบบย่อยๆ ไปจนถึงตีรันฟันแทง ยิงกัน ฆ่ากันเหมือนผักเหมือนปลา...แม้แต่เพื่อนฝูง ผัวเมีย หรือแม้แต่พ่อลูกกันแท้ๆ ก็ยังฆ่าแกงกันได้ลงคอ

คดีปลุกปล้ำทำอนาจาร ข่มขืนฆ่า กล้าลักขโมย จี้ปล้น ส่วนหนึ่งก็เกิดจากการดื่มเหล้าจนมึนเมา ฮึกเหิม ขาดสติควบคุมตัวเองโดยสิ้นเชิง!

ผู้มีฐานะยากจนแต่ติดสุรา แทนที่จะนำเงินทองที่หาได้มาเลี้ยงดูครอบครัว แต่กลับนำไปกรอกใส่ขวดเหล้าแทน อ้างว่าเพื่อแก้เหนื่อยบ้าง ดับความกลัดกลุ้มสุมใจบ้างแต่เมื่อสร่างเมาก็ต้องพบกับปัญหาหนักหน่วงกว่า เดิม

ถ้านำเงินที่ซื้อสุรามาสะสมเก็บออมไว้ นานวันก็ย่อมจะเพิ่มพูนขึ้นทันตาเห็น ที่เคยเดือดร้อนทุรนทุรายหาเงินไปซื้อเหล้า นอกจากจะหมดปัญหาแล้วยังได้เงินเพิ่มขึ้นมาอีกเล่า รวมทั้งสุขภาพที่ดีขึ้นทันตาเห็น...ไม่ต้องลำบากยากจนเพราะการดื่มสุราอีก ต่อไป

และนี่เองคือที่มาของคำขวัญสำหรับเตือนใจคอสุราทุกผู้คน!

"เลิกเหล้า เลิกจน เริ่มต้นเข้าพรรษา"

เมื่อสมัยหนุ่มๆ ผมได้ชื่อว่าเป็น "คอแป๊บ" คนหนึ่ง คือดื่มเหล้าได้ทุกชนิด ขึ้นชื่อว่าเครื่องดองของเมาแล้วขอให้บอกมาเถอะ ไม่ว่าเหล้าไทย เหล้าฝรั่ง เบียร์และสาโท...ผมพร้อมที่จะดื่มดวดได้ทั้งนั้น แถมไม่แสดงอาการเมามายให้ใครเห็นอีกต่างหาก

ยิ่งมีคนชมว่าคอแข็ง กินเหล้าจุและทน ผมยิ่งปลื้มอกปลื้มใจจนลืมไปว่าการดื่มสุราก็เหมือนกับการ กรอกน้ำทองแดงร้อนๆ ลงคอตัวเองยังไงยังงั้น!

ในวงเหล้า คนเราจะรู้จักและสนิทสนมกันได้ง่ายมาก นับวันยิ่งมีเพื่อนฝูงเพิ่มขึ้น สารพัดอาชีพและนิสัยใจคอ บางคนเมาแล้วช่างพูดช่างคุย สนุกสนานครึก ครื้น บางคนก็ชอบทำตาขุ่นตาขวาง พูดจาเกะกะระราน หาเรื่องโต๊ะนั้นโต๊ะนี้ แม้แต่เพื่อนฝูงโต๊ะเดียวกันก็ไม่ละเว้น

คนประเภทเมาแล้วหาเรื่องผมไม่ยอมคบหาสมาคมให้เปลืองตัว เจอเข้าหนเดียวก็เข็ดหลาบ...เหลือแต่เพื่อนสนิทที่รู้นิสัยใจคอกันจริงๆ เท่านั้น คือพูดคุยกันสนุกสนาน หรือจะเย้าแหย่ก็เฉพาะในโต๊ะของเรา ไม่ยื่นปากยื่นตาไปยุ่งเกี่ยวกับโต๊ะอื่นๆ

แต่แล้วก็ไม่วายเกิดเรื่องขึ้นจนได้!

"ใหญ่" เป็นเซลส์แมนขายรถยนต์ที่สุขุมวิท อายุสามสิบเศษ ผิวคล้ำ ร่างใหญ่กำยำสมชื่อ ใจนักเลงได้การ ไม่เกะกะระรานใครก่อน แต่ถ้าใครมาวุ่นวายวอแวใหญ่ก็จะไม่ยอมใครง่ายๆ เช่นกัน

คืนนั้นเราไปตั้งวงกันที่ซอยอารีย์สนามเป้า ใกล้ๆ บ้านผม ใหญ่เกิดกระทบกระทั่งกับชายหนุ่มกลุ่มหนึ่ง มีการด่าทอและท้าทายกัน จนผมต้องไปขอร้องห้ามปรามจนสงบเงียบกันไป...ราวห้าทุ่มเศษก็ออกจากร้าน คนอื่นๆ แยกย้ายไป

ส่วนใหญ่นั่งแท็กซี่มาส่งผมที่บ้าน แล้วบอกว่าตัวเองก็จะกลับบ้านที่คลองประปาใกล้ๆ นั่นเอง!

ผมอาบน้ำเสร็จจะเข้านอน พอดีได้ยินเสียงเรียกชื่อดังโวยวายมาจากหน้าบ้านว่า...หมูๆ มันจะฆ่าผม! จำได้ว่าเป็นเสียงของใหญ่ก็รีบเปิดไฟวิ่งไปดูที่ระเบียง

ใหญ่กำลังวิ่งเข้าประตูรั้วมาตามถนนแคบๆ หน้าบ้าน มือกุมศีรษะ เงยหน้าขึ้นมอง...ผมใจหายวาบเมื่อเห็นเลือดแดงฉานไหลอาบอย่างน่ากลัว รีบลงไปเปิดประตูรับเข้ามา ใหญ่ยังกุมมือไว้ที่เดิมพลางพร่ำด่าคู่กรณีที่ทำร้ายตัวเองด้วยเสียงขาด ห้วน...

แน่ล่ะครับ...ทั้งเจ็บปวดและเคียดแค้นสาหัส!

ได้ความว่าหลังจากส่งผมแล้วใหญ่ก็ย้อนกลับไปที่เดิมด้วยฤทธิ์เมา อยากเจอคู่อริให้รู้ดีรู้ชั่ว แต่กลับโดนยำเละเทะที่หน้าร้าน แล้วพวกนั้นก็ขึ้นรถหนีไป

ผมหาเสื้อผ้าให้เปลี่ยน ใหญ่ค่อยสงบและขอนอนที่โซฟา...แต่รุ่งขึ้นก็ไม่เห็นใหญ่เสียแล้ว ตอนสายจึงได้ข่าวว่าเขาย้อนกลับไปที่ร้านนั้นจริงๆ โดนคู่อริรุมตีจนสลบคาร้าน มีคนช่วยหามส่งโรงพยาบาล แต่ไปได้กลางทางก็สิ้นใจ

นึกแล้วขนลุกครับ...ผมน่าจะรู้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าใหญ่ผ่านประตูรั้วที่ ปิดสนิทเข้ามาได้ยังไง ถ้าไม่ใช่ใหญ่ที่เหลือเพียงวิญญาณเท่านั้นเอง!

ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

คลังบทความของบล็อก