วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ผี เรื่องผี เรื่องเล่าสยองขวัญ ประสบการณ์ขนหัวลุกในโรงแรม

นล เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกในโรงแรม

ผมเองไม่เคยถูกผีหลอกมาก่อน แต่เมื่อมาเจอะเจอในโรงแรมหรูหราที่ย่านสุขุมวิทเป็นครั้งแรก น่าขนพองสยองเกล้าสุดขีดอีกด้วย สาเหตุมาจากผมลงมาจากภาคเหนือเพื่อติดต่อเรื่องธุรกิจกับเรื่องส่วนตัว ทำให้ต้องเช่าโรงแรมอยู่หลายวัน แต่โรงแรมขาประจำที่สีลมก็เกิดเต็มหมดทุกห้อง เลยมาได้ที่ซุกหัวนอนแห่งใหม่ที่ไม่เคยพักพิงมาก่อน

พ่อม่ายเมียตายมาหลายปีแล้วครับ ผมน่ะ ลูกชายคนเดียวก็ส่งไปเรียนที่นิวซีแลนด์ ชีวิตค่อนข้างเหงาเอาการ...โดยเฉพาะการเดินทาง ต้องมานอนค้างอ้างแรมต่างถิ่นแบบนี้ ยอมรับว่าอดคิดถึงความหลังไม่ได้...หนุ่มๆ สาวๆ ที่ไปเที่ยวเตร่และค้างคืนด้วยกันสองต่อสอง คงจะซึ้งดีนะครับ ว่าแสนจะซาบซึ้งและสุขล้นปานใด?

คืนแรกเมื่อกลับจากการพบปะกับลูกค้ามาถึงโรงแรมราวสี่ทุ่มเศษก็เจอดีทันที!

เปิดประตูเข้าห้อง ไฟสว่างจ้าโดยอัตโนมัติเมื่อเสียบกุญแจเรียบร้อย เปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะอาบน้ำ โดยใช้เสื้อคลุมของโรงแรมน่ะแหละ...เสียงโทรศัพท์จากหัวเตียงก็ดังขึ้น

เอ๊ะ! ใครโทร.มาป่านนี้? ว่าแต่ทำไมไม่โทร.เข้ามือถือล่ะ?

"ขา...มีอะไรให้รับใช้คะ?" เสียงหวานๆ ดังมาตามสาย...เมื่อได้ยินเสียงจากโทรศัพท์ที่เราไม่รู้จัก ผมมักจะนึกเดาหน้าตาผู้พูดด้วยความเคยชิน...ผู้หญิงคนนี้สวยและมีการศึกษา การทอดเสียงฟังดูไพเราะ บ่งว่าได้รับการอบรมบ่มนิสัยมาพอสมควร

ผมปฏิเสธไปว่าไม่ได้โทร.ลงไปเลย แต่เธอยืนยันว่ามีสัญญาณเรียกจากห้องผมแน่

"คุณนลใช่มั้ยคะ? อย่าเกรงใจเลยค่ะ...คงจะอยากใช้บริการรูมเซอร์วิสใช่มั้ยคะ?"

ผมอดหัวเราะไม่ได้ อาจจะมีการผิดพลาดจนทำให้เธอเข้าใจผิด...แต่เสียงของเธอฟังแล้วชื่นใจเหมือน ได้ฟังเพลงรักซาบซึ้ง...ผมเลยบอกไปตามตรง

"เปล่าเลยครับ อยากฟังเสียงคุณหวานเท่านั้นเอง..."

"ต๊าย! ไม่ได้ชื่อหวานนะคะ ชื่อวดี...ผกาวดีค่ะ...เพิ่งกลับจากข้างนอกหรือคะ?"

"ครับ...เพิ่งผสมน้ำอุ่น สวมเสื้อคลุมจะอาบน้ำพอดี...ได้ยินเสียงโทร.มาก็เลย..."

"งั้นอาบน้ำก่อนเถอะค่ะ" เธอหัวเราะเสียงหวานก่อนจะวางหูไป...ผมรีบร้อนเข้าห้องน้ำ ไม่แยแสรอน้ำอุ่นสำหรับนอนแช่แล้ว แต่ยืนอาบซ่กๆ รวดเร็ว...ผกาวดีบอกว่า "อาบน้ำก่อน" แปลว่าเธอจะโทร.ขึ้นมาคุยกับผมอีกน่ะซี...เพิ่งนึกได้ตอนนั้นว่าเธอคงเป็นโอ ปะเรเตอร์

น่าแปลกที่เสียงนุ่มนวลอ่อนหวาน กับเสียงหัวเราะเบาๆ ของเธอคล้ายจะปลุกเร้าบางสิ่งบางอย่างที่ลึกเร้นอยู่ในหัวใจตั้งแต่สูญเสีย ภรรยา ให้พลิกฟื้นขึ้นมา...พอดีโทรศัพท์ดังขึ้น

แทบจะกระโจนเข้าไปรับแน่ะ...อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอคะ?

"ทำไมรู้ล่ะครับ?" คำตอบคือเสียงหัวเราะแว่วหวาน...ใช้โปโลใช่มั้ยคะ? หอมจัง! ผมแกล้งทำเสียงสูดลมหายใจแรงๆ เหมือนกำลังจูบอะไรบางอย่าง ก่อนจะบอกเสียงกระซิบ "นั่นซีครับ หอมชื่นใจจัง...แต่ไม่ใช่หอมโปโลจากตัวผมนะ"

"แล้วหอมอะไรคะ...อื๋อออ...ปากหวานนักเชียว ได้กลิ่นทางโทรศัพท์ด้วยหรือคะ?" เสียงเธอหวานเสียจนผมถอนใจระรัว "ก็เหมือนวดีได้กลิ่นโปโลจากผมไงครับ"

คืนนั้นกว่าจะได้นอนก็เกือบสองยาม!

คืนรุ่งขึ้น ผกาวดีโทร.มาหาเหมือนเดิม เริ่มต้นว่า...เหงาค่ะ...คิดถึงคุณด้วย!

อาจจะเป็นสัญชาตญาณที่สัมผัสความรู้สึกของเพศตรงข้ามได้รวดเร็วหรือจะเป็น เพราะความครึ้มอกครึ้มใจอะไรก็ตามที ที่ทำให้ผมเริ่มต้นรุกล้ำเมื่อแน่ใจว่าเธอเล่นด้วยแน่นอน

...ผมคิดถึงคุณมากกว่า เปิดอกให้ดูเดี๋ยวนี้เลย-ไหนคะ โห...กล้ามเป็นมัดๆ เลย น่ากลัวจังค่ะ-ไม่ต้องกลัวหรอกคนดี ลองจับหัวใจผมดูซี-จะดีหรือคะ? อี๊ย์...ไม่กล้าจับหรอกค่ะ น่ากลั๊วน่ากลัว-อย่ากลัวไปเลยทูนหัว นะ...แล้วจะรู้ว่าหัวใจผมเป็นยังไง?


 อยากให้คุณสัมผัสแค่ไหน? นะ...น่านแหละ-โห! อุ่นวาบเลย น่ากลัวออกค่ะ แหม!-จับแรงๆ ก็ได้ วดีจ๋าทีนี้ให้ผมจับหัวใจคุณมั่งนะ?-ว้าย! อย่าค่ะ...โธ่!-ทูนหัว ใจคุณทั้งนุ่มทั้งอุ่น เต็มไม้เต็มมือ...ทำไมร้อนผ่าวยังงี้?-ปล่อยเถอะค่ะ...อย่าเลย-ขอหอมหัวใจ วดีหน่อยนะ-ว้าย...ตายแล้ว...จูบเข้าไปจริงๆ ด้วย...

คืนนั้นผมนอนหลับสนิทตลอดคืน ตื่นขึ้นด้วยความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ไม่มีอาการอ่อนเปลี้ยแม้น้อยนิด อาบน้ำอาบท่าเสร็จแต่งตัวลงไปกินบุฟเฟต์...ก่อนจะออกไปข้างนอกก็เร่ไปที่ เคาน์เตอร์ เห็นแต่รีเซฟชั่นกับแคชเชียร์ เลยถามหาโอปะเรเตอร์ที่ชื่อผกาวดี

สองสาวมองหน้ากัน ก่อนจะหันมาตอบเรียบๆ ว่า...พี่ผกาวดีตายไปตั้งแต่ปีกลายแล้วค่ะ! ขณะที่ผมยืนงุนงงเหมือนตีแสกหน้า เพื่อนของเธอก็พยักหน้ากับเพื่อน...บอกเขาไปซีว่าถูกแขกขาประจำหักอกจนเธอ ต้องกินยาตาย...

ผมออกไปพบลูกค้าเรียบร้อยก็เช็กเอาต์กลับบ้านวันนั้นเองครับ!  


ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

คลังบทความของบล็อก