วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2557

ผี เรื่องผี เรื่องเล่าสยองขวํญ ยังไม่ได้เตรียมตัว

เมื่อซัก3ปีที่แล้ว ผมได้ไป ประชุม ที่ กทม ลืมบอกไป ผมอยู่ต่างจังหวัดครับ ผมไม่รู้ว่าพอประชุมเสร็จ มีงานเลี้ยงกลางคืนด้วย ซึ่งผมไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน ไม่ได้จองที่พักไว้เลย พองานเลิก ก็ปาเข้าไป5ทุ่มได้ จะขับรถกลับ บ้านก็ไม่ไหว ทั้งเพลีย ทั้ง ง่วง เลยตัดสินใจหาที่พักซักคืน ตอนเช้าค่อย ขับรถกลับ ผมตระเวนขับรถหาที่พักใกล้ๆที่ประชุม แต่กี่ที่ กี่ที่ ก็เต็มหมด บางที่ไม่เต็ม แต่ก็แพงมหาโหด

ผมขับรถมาเรื่อยๆ จากเมืองทอง มาโผล่รังสิตได้ไง ไม่รู้ มองนาฬิกาที่หน้าปัทย์ รถเวลาปาเข้าไปเที่ยงคืนกว่า ขับไป ตาก็หรี่ลงๆ ไม่ไหวแล้วครับ นึกในใจ เจอโรงแรม อะไรขอพัก ก่อนไม่ไหวแล้ว บังเอิญตาผมก็เหลือบไปเห็น ป้ายโรงแรม โรงแรมหนึ่งทาง ซ้ายมือ เส้นถนนแถว ม.รังสิต เอาละว่ะ ไม่คิดไรแล้ว หักหัวรถเข้าไปเลย ทางเข้าโรงแรม มืดมากครับ เหมือน จะเป็นป่า 2ข้างทาง ต้องขับเข้ามาประมาณ 500 เมตร ค่อยเห็นแสงไฟ ของสำนักงาน ไว้เป็นที่ติดต่อของโรงแรม

มองชัดๆอีกที เฮ้ย… นี่มันม่านรูดนี่หว่า แต่ตอน นั้นไม่สนใจละครับ แค่หัวถึงหมอนก็คงหลับแล้ว มีแสงไฟจากไฟฉายกระบอกจิ๋วของพนักงานโรงแรมฉายมา มี่รถผม แล้วชี้ไปทางช่องจอด ที่ว่างอยู่ ผมหักหัวรถตามลำแสง อย่างอัตโนมัติ ลงจากรถ พนักงานรีบวิ่งมาถาม ชั่วคราว ค้างคืน มีเด็กไหม บลาๆ…. ผมตอบไป ตามความเป็น จริงผมขอแค่นอน เช้าก็จะไป ไม่มีเด็ก ควักเงิน จ่ายค่าห้องเสร็จ เดินเข้าไป ถอดรองเท้า เปิดไฟ เปิดแอร์ สิ่งที่ผมเห็นคือ ม่านรูดนี้ มันแต่งแบบแฟนซี ห้องที่ผมพัก มันดันแต่งแบบ อิสลาม หัวเตียงเป็นไม้แกะเป็นลาย คล้ายๆโดม กระจกห้อง ทำเป็นสีเขียว สีแดง มีข้าวของเครื่องใช้ ออกแนว ตะวันออกกลาง ไม้ในห้อง ย้อมเป็นสีน้ำตาลเข้ม มะฮอกกานี ออกสีดำคล้ำๆ เหมือน ก่อสร้างมานาน

ผมมองดูแล้วน่ากลัวมาก กว่าน่านอน ไม่รอช้า ผมรีบเปิดประตู ออกไป พอดีบ๋อยโรงแรมเดินมาพอดี ผมรีบบอกเลยว่าขอเปลี่ยนห้องได้ไม๊ พนักงานบอก ไม่มีห้องว่างเลย เต็มหมด ผมจึงต้องเดินคอตก จำใจพักห้องเดิม

หลังจากจัดแจงข้าวของส่วนตัวเล็กน้อย ก็เดินเข้าไปอาบน้ำ บอกจริงๆเลย ผมไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ ตั้งแต่เข้ามาในห้องแล้ว ผมเหมือนไม่ได้อยู่คนเดียว เหมือนมี คนอยู่กับผมอีกคน เวลาผมอาบน้ำ ความรู้สึกเหมือน มีคนอยู่ข้างนอก รอผมอยู่ มันบอกไม่ถูกอ่ะครับ

 ผมรีบจัด การกับตัวเอง จนเรียบร้อย นุ่งผ้าเช็ดตัวของโรงแรม ออกมา นอนเล่นบนเตียง เปิดทีวีดูไปเรื่อยๆ รอจนกว่าจะหลับไปเอง แต่เชื่อไม๊ ทำยังไงมันก็ไม่หลับเหมือนตามันค้าง ทั้งที่ร่างกายมันไม่ไหวแล้ว เพลียมากๆ แขนขาแทบไม่มีแรง ผมรู้สึกแอร์ในห้องมันหนาวขึ้นๆ จนทนไม่ไหว เอาเท้าเขี่ยผ้าห่มปลายเตียงมาห่ม ก็ยังไม่หายหนาว มันเหมือนมันเย็นเข้าไปข้างในกระดูก ขนแขน ขนคอผมลุกเลย ไม่ไหวแล้ว ผมลุกขึ้นไป จะปิดแอร์ ก็ปิดไม่ได้ มันเป็นแอร์ คล้ายๆ ในห้างอ่ะครับคือ มันส่งตรงมา ทางท่อ อากาศ ไม่มี ตัวเครื่องในห้อง

 จึงหมดสิทธิ์ที่จะทำอะไรได้ อย่างมากผมก็แค่ คว้า กางเกงยีนส์ เสื้อเชิ๊ต ชุดของวันนี้มาใส่ เพื่อป้องกันความหนาวอันโหดร้าย ใส่เสร็จ ล้มตัวลงนอน ห่มผ้าห่มแน่น ไม่ได้นึกรังเกียดเลยว่า ผ้าห่มนั้นมัน จะผ่านอะไรมาบ้าง ค่อยดีขึ้นครับ ความหนาวค่อยทุเลาลง ตาผมเริ่มปรือลงๆ จนทุกอย่างมืดไป เข้าสู่ภวังแห่งการนอน

เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่ทราบ มารู้สึกตัวอีกที ผมมี ความรู้สึกว่า เหมือนมีใครเข้ามาในห้อง จิงๆครับ มี ความรู้สึกแบบนั้นเลย แล้วก็ได้ยินเหมือนเสียงวัตถุ หรือ อะไรหนักๆ วางลงบนโต๊ะเครื่องแป้งข้างเตียงนอน เสียงดัง ปึ้ง…. แล้วก็เหมือนมีใคร เดินรอบๆเตียงผม

 ที่ผมเล่านี่ผมรู้สึกตัวตลอดนะ ไม่ใช่ผีอำแน่นอน เพราะตาผมลืมได้ แขนขาขยับได้ หูได้ยินถนัดเลย เจ้าสิ่งนั้น ผมขอใช้คำนี้นะครับ เพราะไม่รู้จะเรียกว่าอะไร มันยังคงเดินไปรอบๆเตียงที่ผมนอน ผมลืมตามองแล้วครับ แต่ไม่เห็นอะไร แต่ความรู้สึกมันบอก ก่อนนอนผมเปิดไฟ ที่หัวเตียงไว้ครับ กับในห้องน้ำ มันสว่างพอที่จะเห็นอะไร ต่อมิอะไรในห้องได้ ผมไม่เห็นอะไรจริงๆครับ

 แต่ความรู้สึกมันบอกว่า เจ้าสิ่งนั้น มันยังเดิน อยู่รอบๆเตียง ผมเริ่มใจเต้นแรง เหงื่อ ออกตาม มือเท้า ทั้งๆที่แอร์เย็นอย่างกะขั้วโลก ไม่กี่อึดใจ เจ้าวิ่งนั้น ก็ค่อยๆเดิน จากเตียง ไปที่ห้องน้ำครับ ผมรู้สึกได้ เสียงก๊อกน้ำ หยด ดังแหมะๆ ทั้งๆที่ ก่อนผมออกมา ผมปิดสนิทดีแล้ว เสียงชักโครก ทำงานเอง ดัง โคร๊ก คร๊าก…

เอาแล้ว ผมโดนเข้าให้แล้ว ใจผมคิด จะทำไงดีทีนี้ จะลุกวิ่งออกจากห้องไปเลยดีไม๊ หรือ พยายาม ข่มตานอน ท่องนโม เราอาจหลอนไปเอง …ผมคิดว่า อย่างแรกเป็นสิ่ง ที่ผมควร ทำที่สุด ไม่รอช้าแล้วครับ ลุกพรวด ขึ้นเลย แต่…

ร่างกายมันไม่เป็นไปตาม ที่ผมสั่ง ซะแร้ว มันขยับไม่ได้เลย เหมือนมีใครมา มัดแขน ขา ผมไว้ ติดกับเตียง มีแต่ ตา หู เท่านั้นที่ยังใช้การได้ แล้วมัน จะมีประโยชน์อะไรเล่า กับสิ่งที่จะเกิด ขึ้นในไม่ช้า.. เสียงหยดน้ำจาก ก๊อก เงียบไปแล้ว ความรู้สึกผม เจ้าสิ่งนั้นกำลังจะออกมาจากห้องน้ำ แล้วสิ่งที่มัน จะไปต่อไป จะเป็นที่ไหน ถ้าไม่ใช่ที่เตียงที่ผมนอน ใช่แล้วครับ เจ้าสิ่งนั้น มัน ตรงมา ที่เตียง มันคงเดินรอบๆเตียงอีก สองถึงสามรอบ ก่อนที่มัน จะทิ้งตัวลงบนที่นอน ความรู้สึกเหมือนที่นอนมันยุบลงไป ตามน้ำหนัก ของเจ้าสิ่งนั้น แล้วมัน ก็อยู่อย่างนั้น ไม่ขยับเขยื้อน หรือ ลุกไปไหนอีก เชื่อไม๊ มันเป็นความ ทรมานที่ยาวนานสำหรับผม ผมช่วยตัวเองไม่ได้ ร้องไม่ออก ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่ ท่องบทสวดมนต์ ไปเรื่อยๆ จนสติหลุดไปตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ

มารู้สึกตัวอีกที ก็เช้าแล้ว ผมรีบลุกจากเตียง มองนาฬิกาข้อมือ 8 โมงกว่า ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรแล้วครับ เก็บของลงกระเป๋า คว้ากุญแจรถที่หัวเตียง ออกจากห้องเลยครับ ไม่อาบนงอาบน้ำล้างหน้ามันแล้ว ก่อน ออกจากห้อง ผมสังเกต ที่พรหมในห้อง คือ ห้องมันปูพรหม หมด เป็นสีเขียวๆ ปน น้ำตาลๆ แต่ที่เอะใจคือ พรหม แถวๆใต้เตียง มันทำไมเป็นดวงๆเล็กๆ เต็มไปหมด มีดวงใหญ่ๆ ขนาดเท่ากำปั้น แถวๆปลายเตียง ยิ่งคิด ก็ยิ่งหลอน รีบเปิด ประตูออกมา แสงแดด เริ่มออกส่องทะลุม่านผ้าใบสีเทาที่ปิดหน้าที่จอดรถเข้ามา ผมรีบกระชากมันรูดจนสุด กระโดดขึ้นรถ ขับออกมา แต่เชื่อไม๊ สภาพม่านรูด ตอนนี้ไม่ต่างจาก ซากหรือ อะไร ร้างๆ มันเป็นห้องๆ เป็นล๊อกๆ ต่อๆกัน บางห้องว่าง บางห้องมีรถจอดอยู่บ้างแต่ไม่มากนัก บริเวณโดยรอบมีแต่ ต้นไม้แห้งตาย เหมือนไม่ได้รับการดูแล ผม มองไป ไม่เห็นพนักงานซักคนออกมาโบกรถให้ แต่ไม่คิดอะไรแล้ว ขอแค่ออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด

ผมออกมาถึงถนนใหญ่ได้ เข้าทางหลัก มุ่งเข้าอยุธยา ประตูสู่บ้านเกิด ผมขับรถมา ใจก็คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนว่า มันคือ อะไร แล้ว คนที่เข้ามาพัก จะเจอเหมือนผมไม๊ ม่านรูดนั้น มันมี ตัวตนอยู่จริงหรือเปล่า มันเป็นแค่ความฝัน หรือ ผมโดนดีเข้าให้แล้วจริงๆ ทุกวันนี้ ผมยังจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้อย่างแม่นยำ เหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ผมสรุปไม่ได้ว่าสิ่งที่ผมเจอ มันคือ อะไร ในห้องนั้นก่อนหน้า เกิดอะไรขึ้น แต่ที่รู้ๆ ไม่มีที่ไหน อุ่นใจและปลอดภัยเท่ากับ บ้านของเราอีกแล้ว


ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์ รักดารา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

คลังบทความของบล็อก