วันอังคารที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2557

ผี เรื่องผี เรื่องเล่าสยองขวัญ โลงแตก




สมัยเด็กผมอยู่หนองโดน สระบุรี ตอนนั้นยังเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ชาวบ้านทำไร่ทำนาเป็นอาชีพหลัก ยามว่างก็หาผักหาปลา หากบหาเขียดหรืองมหอยมากินได้ ไม่เดือดร้อนอะไรนัก

สิ่งที่ฝังใจผมในวัยเด็กก็คือการเผาศพ!

วัดเล็กๆ ดูเก่าแก่ทรุดโทรมมากไม่มีเมรุเผาศพอย่างวัดอื่น ถ้าใครตายก็จะก่อกองฟืนเผาผีที่หลังโบสถ์ เรียกว่า “เมรุลอย” ผมกับเพื่อนๆ ชอบไปดูการเผาศพ…เห็นกองไฟใหญ่ๆ ลุกแดงฉาน ควันโขมงลอยพลุ่ง เปลวไฟแดงฉานตัดกับท้องฟ้าสีเทาน่าดู เพราะส่วนมากเขาจะเผาศพกันตอนบ่ายแก่ๆ จวนเย็น

ไฟจากกองฟืนลุกท่วมโลงสีแดงจ้า เสียงดังคึ่กๆ เหมือนเสียงใครคำรามเกรี้ยวกราด เราคอยลุ้นว่ากองฟืนจะทลายลงมาหรือเปล่า ต้นกล้วยที่ค้ำยันไว้ข้างละ 2-3 ต้นจะเอาอยู่ไหม? ถ้ามันล้มลงตอนไฟไหม้มีหวังฟืนกระจาย โลงศพมีหวังตกลงมาแตกแน่ๆ

แต่ผมยังไม่เคยเห็นสักที นอกจากกลิ่นศพถูกไฟไหม้ คล้ายกับเราย่างเนื้อสดๆ แต่กลิ่นศพแรงกว่า

…สิ่งที่พวกเด็กๆ อยากดูนักเวลาเผาศพ ก็คือตอนที่ไฟกำลังโหมไหม้โลงอยู่คึ่กๆ นั้น บางทีจะมีศพทะลึ่งพรวดขึ้นมานั่งกางแขนจังก้า ผู้หญิงกับเด็กๆ ถึงกับร้องกรี๊ดๆ ด้วยความตกใจไปตามๆ กัน

หลายๆ คนถึงกับวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิงไปเลย!

ลองนึกถึงภาพศพที่มีไฟลุกท่วมตัว นั่งอยู่ในกองไฟด้วย…ถ้าไม่มีเสียงฟืนโหมไหม้คึ่กๆ คงจะได้ยินไฟเผาเนื้อหนังสดๆ ดังแฉ่ๆ อย่างแน่นอน! พวกผู้ใหญ่บอกว่าเป็นเพราะความร้อนจัด เส้นเอ็นยึด ทำให้ร่างศพลุกผึงขึ้นมาให้ขวัญหนีดีฝ่อไปหมด ไม่ใช่เพราะอำนาจภูตผีน่าสยดสยองอะไรหรอก

ต่อมา สัปเหร่อใช้ท่อนฟืนทับศพก่อนเผาหลายๆ ท่อน ทำให้ไม่เกิดปัญหาสยองขวัญขึ้นมาอีก…แต่แล้วก็เกิดเรื่องขนหัวลุกขึ้นจนได้

เย็นนั้นมีการเผาศพตาป่วนขี้เมาที่ตกบันไดตาย!

บ้างก็ว่าตาป่วนกินเหล้าเมามายเหมือนทุกๆ วัน เดินโซซัดโซเซกลับบ้านแล้วพลาดตกบันไดจนคอหัก แต่บ้างก็ว่าตาป่วนขึ้นบ้านแล้วทะเลาะกับเมีย จนโดนยายปองถีบตกบันไดลงมาตายต่างหาก

แต่ที่แน่ๆ คือการเผาศพตาป่วนยังติดหูติดตามาจนถึงทุกวันนี้

ขณะที่ไฟกำลังโหมไหม้โลงของแกดังคึ่กๆ ลมปั่นป่วนไปมา กลิ่นศพเหม็นรุนแรงจนหลายคนเบือนหน้าหนี บางคนพูดว่า…มีเหล้าดองมาตั้งหลายปีไม่น่าจะเน่าใน!

ทันใดนั้น ศพตาป่วนก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมานั่ง กางแขนอ้าซ่า ท่ามกลางเสียงหวีดร้องของผู้หญิง พวกผู้ชายยังผงะหน้าร้องเฮ้ยฮ้ายกันด้วยความตกใจ สัปเหร่อเองก็ยืนตะลึงไปเพราะคาดไม่ถึง

ก่อนที่จะใช้ไม้ไผ่ยาวๆ จัดการให้ศพเอนราบลง…ร่างที่มีไฟลุกท่วมอยู่ในโลงก็ร่วงลงมาบนพื้นดิน พร้อมๆ กับต้นกล้วยล้ม กองฟืนกับโลงศพไฟลุกโชนทลายลงมาอย่างน่ากลัว ทำให้เสียงหวีดร้องยิ่งดังแสบแก้วหูมากกว่าเดิม

นรกเป็นพยาน! ร่างตาป่วนที่มีไฟเป็นเสื้อผ้าไม่ได้นั่งกับพื้นที่เต็มไปด้วยลูกไฟ แต่กลับยืนจังก้า กางแขน ทำท่าเหมือนจะก้าวเข้ามาหาพวกเรา คนแก่กับผู้หญิงเรอเอิ๊ก…เป็นลมไปหลายคน

เสียงใครสวดมนต์ ท่องอิติปิโสกันปากสั่น…ก่อนที่ร่างน่าสยองนั้นจะล้มฟาดลงบนพื้นดิน!

ผมกับพวกเพื่อนๆ พร้อมใจกันรีบวิ่งกลับบ้านด้วยความอกสั่นขวัญแขวนสุดขีด บางคนถึงกับจับไข้ไปตั้งหลายวัน

…เรามารู้ทีหลังว่าสัปเหร่อสนต้องหาฟืนมาเพิ่มเติมเพื่อเผาศพตาป่วนจนมอด ไหม้ ลูกเมียแกหวาดกลัวอิทธิฤทธิ์ของภูตผีจนไม่ยอมเก็บกระดูก กองฟอนถูกกวาดทิ้งถมดินมาจนถึงทุกวันนี้…นึกถึงแล้วยังขนหัวลุกเลยครับ!

ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์ รักดารา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

คลังบทความของบล็อก