วันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2557

ผี เรื่องผี เล่าสยองขวัญ ซอยผีสิง

ป้อม เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกในซอยผีสิง

ผมเป็นนักศึกษาภาคค่ำครับ คืนนั้นหลังเลิกเรียนเพื่อนผมชวนไปกินข้าว เราคุยกันเพลินมาก กว่าจะรู้ตัวก็เกือบตีหนึ่งแน่ะ

เพื่อนมีรถเลยขับไปส่งผมที่บ้านบางลำพู แต่บ้านผมอยู่ในซอยลึกมาก แถมคับแคบแล้วยังมีการขุดถนนซ่อมท่อประปา ผมเกรงใจเพื่อนเลยให้ส่งหน้าปากซอยแล้วเดินเข้าไป ใจหนึ่งก็นึกกลัวเหมือนกันเพราะเมื่อเดือนก่อนมีคนถูกฆ่าแถวๆ นี้เอง

แถวหน้าซอยมีร้านคาราโอเกะ คนเมาทะเลาะกันและยิงกันตาย ผมจำได้เพราะคืนนั้นผมก็กลับดึก แบบนี้แหละครับ

เหตุเกิดราวตีหนึ่ง...เหมือนคืนนี้เลย!

ขณะเดินเข้าซอยก็ได้ยินเสียงคนตะโกนด่ากันโหวกเหวก พอหันไปมองก็ได้ยินเหมือนเสียงไม้หัก นั่นแหละ...เสียงปืน! ผมเห็นชายคนหนึ่งล้มลง แล้วคนยิงก็บึ่งรถเก๋งหนีไป ผู้คนในร้านวิ่งออกมาดู เกิดวุ่นวายกันใหญ่ ผู้หญิงหลายคนกรีดร้องกรี๊ดๆ ผู้ชายบางคนควักมือถือไปแจ้งเหตุ

ผู้คนแถวนี้พากันวิ่งออกมาดู ผมเข้าไปมุงกับเขาบ้าง เห็นชายโชกเลือดกำลังกระตุก มีเลือดทะลักออกมาทางปากและจมูก เขาโดนกระสุนเจาะลำคอ นัยน์ตาเขาเหลือกลาน

ภาพคนตายติดตาอยู่หลายวัน แต่ผมก็เกือบลืมไปแล้ว...จนกระทั่งคืนนี้!

ตอนนี้แปลกจัง ผู้คนหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ ปกติจะมีคนนั่งอยู่หน้าร้านคาราโอเกะ แต่คืนนี้ไม่มีเลย ห้างร้านปิดไฟเงียบ คนจะหลับหมดแล้วมั้ง? สรุปว่านาทีนี้มีแต่ผมยืนอยู่เดียวดาย

มันอดไม่ได้จริงๆ ที่จะมองไปตรงที่ผู้ชายคนนั้นล้มลงตาย!

พื้นตรงนั้นว่างเปล่า แต่ภาพศพที่น่าสยดสยองกลับผุดขึ้นมาแจ่มชัดในความทรงจำ

แหม...อยากให้มอเตอร์ไซค์ผ่านมาสักคัน คืนนี้เป็น อะไรนะ ไม่มีรถสักคันเดียว! ผมถอนใจยาว ตัดสินใจ เดินเข้าซอยที่เป็นวันเวย์ตามลำพัง รู้สึกไม่ค่อยมั่นคงเลยครับ มันวูบๆ วาบๆ บอกไม่ถูก ขณะเดียวกัน ก็ไม่อาจ สลัดภาพศพถูกฆ่าให้หลุดออกจากสมองเจ้ากรรมได้สำเร็จ

ทันใดนั้น ผมสะดุดหินข้างทางจนหัวคะมำ ใจหายวาบ ขวัญผวาไปหมด ร้องอุทานอย่างลืมตัว

เฮ้อ! เจ็บข้อเท้าจังเลย นี่ละผลของการขุดถนน ดีนะที่ผมไม่ตกลงไปในหลุมที่เขาขุดน่ะ ใจผมยังเต้นตึ้กๆๆ อยู่เลยเพราะอารามตกใจ

เมื่อตั้งสติได้ก็รู้สึกว่ามีใครเดินมาข้างหลัง...โจรหรือเปล่า?

ผมหันไปดู แต่เห็นหน้าเขาไม่ถนัดเพราะมันมืดสลัว เขาเป็นผู้ชายตัวใหญ่กว่าผม...คงไม่ใช่ผู้ร้ายหรอก เพราะเขาเดินดุ่มๆ แซงหน้าผมเข้าไปในซอย...เดินเร็วมากซะด้วยแฮะ!

ดีเหมือนกันจะได้มีเพื่อน ผมเดินตามเขาไปห่างๆ และรู้สึกเบาใจขึ้นพะเรอ

ในซอยนี้บางบ้านก็เปิดไฟรั้ว ผนวกกับไฟถนนที่ห่างเป็นระยะๆ ทำให้มีแสงพอเห็นได้ดีกว่าตรงปากซอยที่ไฟมันดับไปดวงหนึ่ง แต่บรรยากาศก็ยังน่ากลัว มันเงียบสงัด และลมก็แรงขึ้นๆ ผมแหงนดูท้องฟ้ามันแดงฉาน แสดงว่าฝนกำลังจะตก!

ผมเดินเร็วๆ ชายคนนั้นก็ยังนำหน้าผม ห่างกันราวๆ สิบก้าว ผมรักษาระยะห่างนั้นไว้ แต่ดูเหมือนเขาจะทอดจังหวะการเดินช้าลงๆ

เอ๊ะ! หรือว่าเขาจะหลอกให้ผมตายใจ พอเดินไปทันเขาอาจควักอาวุธมาทำร้ายผมก็ได้

"กลัวรึ? ฮึๆๆๆ" เสียงพูดปนหัวเราะนั้นดังมาจากเขาแน่นอน ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากผมแค่ 4-5 ก้าว...เขาไม่หันมาเลย ผมชักตกใจ ชะงักฝีเท้าเหมือนถูกตรึงโดยไม่รู้ตัว

ขณะที่กำลังละล้าละลัง เขาก็หันมา...ไฟส่องเต็มหน้าพอดี!

คุณพระช่วย! หัวใจผมคล้ายจะหยุดเต้นไปทันใด เนื้อตัวแข็งทื่อราวกับถูกสาปให้เป็นหิน...ใบหน้านั้นเป็นหน้าของคนตายชัดๆ ปากและจมูกมีเลือดเอ่อ เสื้อแสงด้านหน้าเปรอะเลือดไปหมด...ผมตาเหลือกค้าง จ้องมองภาพนั้นเหมือนถูกสะกดจิต อยากจะร้องแต่ร้องไม่ออก ขยับแข้งขาไม่ได้...มันช่างเหมือนกับฝันร้ายไม่มีผิด

ลมกระโชกมาวูบหนึ่ง...พัดพาเอาชายคนนั้นสลายไปกับอากาศธาตุประหนึ่งเป็นภาพลวงตาทั้งเพ!

น้ำตาผมไหลพราก พยายามสะกดตัวเองไม่ให้ออกวิ่ง แข็งใจลากขาเดินช้าๆ แต่แค่อึดใจเดียวก็ไม่ไหวแล้ว...ผมเผ่นกระเจิงรวดเดียวจนมาถึงบ้าน

เมื่อทราบเรื่องจากผม แม่ก็ให้จุดธูปไหว้พระ ตั้งข้อสังเกตว่าตอนที่ผมสะดุดหินแล้วใจหายวูบน่ะ อาจจะเป็นช่องทางให้ภูตผี วิญญาณแทรกเข้ามาได้...ทีหลังอย่ากลับดึกก็แล้วกัน

ถึงแม่ไม่บอกผมก็เข็ดแล้ว ไม่กลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ อีกเลยครับ!

ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์ ข่าวสด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

คลังบทความของบล็อก