เอก เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากลางมรณะ
สมัยหนุ่มผมเป็นแขกขาประจำของคาเฟ่ย่านสะพานควาย จนรู้จักกับเจ้าของ กัปตัน
นักร้องและสาวเสิร์ฟทุกคน บางวันก็แวะไปตั้งแต่ตอนเย็น
ได้พบกับเรื่องแปลกๆ
ที่เกิดขึ้นก่อนคาเฟ่เปิดรับแขกที่ทยอยกันเข้ามาราวสองทุ่มเศษ
ช่วงนั้นจะมีคนมาสมัครงานกันหนาตา ที่โต๊ะหินหน้าบาร์น้ำ ติดๆ
กับสนามโล่งกว้างเป็นที่ตั้งโต๊ะ ใต้เต็นท์
มีเวทีติดกับกำแพงรั้วด้านขวามือ
เรื่องน่าขนหัวลุกที่ผมประสบมาเกิดขึ้นที่นั่น เองครับ!
นักร้องกับสาวเสิร์ฟมาสมัครงาน สาวเสิร์ฟ มักหมุนเวียนเข้าออกกันอยู่เสมอ
พวกดาวตลกกับ นักแสดงกลโนเนมก็ทยอยกันเข้ามาเรื่อยๆ
รวมทั้งรถส่งเครื่องดื่มเหล้าเบียร์และโซดา...ผมรู้จักอ๋อยตอนแรกก็ที่คาเฟ่
แห่งนั้นเอง
ตอนแรกนึกว่าสมัครนักร้อง เพราะอ๋อยสะสวย ผิวขาว หุ่นดี
แต่เธอกลับขอสมัครเป็นสาวเสิร์ฟ บอกว่าไม่เคยทำงานมาก่อน
เห็นติดป้ายรับสมัครก็เลยแวะเข้ามา
ทางร้านอยากให้เป็นนักร้องโดยมีครูสอนให้
แต่อ๋อยบอกว่าร้องเพลงไม่เป็นและไม่ชอบเป็นนักร้อง...ไม่ว่าจะเกลี้ยกล่อม
ยังไงเธอก็ปฏิเสธท่าเดียว
ในที่สุดก็รับไว้เป็นผู้ช่วยติ๋มที่บาร์น้ำแถวหน้าห้องครัวใกล้ๆ
กับโต๊ะแขกที่เป็นม้าหินล้วนๆ ริมกำแพง
อ๋อยเป็นคนเงียบๆ เฉยๆ มีแขกสนใจหลายคน แต่เธอไม่แยแสใครเลย
เย็นหนึ่ง สาวเสิร์ฟทยอยกันมา อ๋อยตระเตรียมโซดา
น้ำแข็งและผลไม้เรียบร้อยแล้ว
เห็นผมนั่งดื่มเบียร์คนเดียวก็เดินเข้ามานั่งร่วมโต๊ะม้าหินใกล้ประตูรั้ว
และศาลพระภูมิ...เธอได้รับทิปจากผมบ่อยๆ
เพราะเห็นใจที่มีแต่สาวเสิร์ฟเท่านั้นได้ทิปจากแขกแค่นิดๆ หน่อยๆ
อ๋อยเล่าว่าอีก 2-3 วันจะไปทอดผ้าป่ากับเพื่อนๆ ที่ศรีสะเกษ
รถออกจากสะพานควายตอนดึกไปสว่างที่โน่น เสร็จแล้วได้พบปะคนบ้านเดียวกัน
บ่ายๆ ก็จะกลับมาถึงนี่ตอนค่ำ ไม่เสียงานอีกด้วย
พอดีนักร้องทยอยกันเข้ามา
บางคนแวะคุยก่อนจะเข้าห้องแต่งตัวเปลี่ยนชุดนักร้อง
บางคนแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จก็มาคุยด้วย
แต่บางคนก็หอบอาหารที่แวะซื้อใส่จานมานั่งกิน...พูดจาหยอกล้อกันจนแขกเริ่ม
เข้า...
อีกราว 3-4 วันต่อมา ผมก็แวะไปที่คาเฟ่แห่งนั้นราวหกโมงเย็น
ฤดูหนาวทำให้ค่ำเร็ว เห็นอ๋อยนั่งเหม่ออยู่คนเดียวที่ม้าหินโต๊ะแรก
ตอนนั้นยังไม่เปิดไฟเพราะแขกยังไม่เข้า
ผมสั่งเบียร์แล้วนั่งโต๊ะเดียวกับอ๋อย แต่เธอทำหน้าเหมือนมองไม่เห็น
จนสังเกตเห็นกระเป๋าใบเล็กๆ
วางอยู่บนโต๊ะ...ไม่รู้ว่าไปทอดผ้าป่ามาหรือยัง?
อ๋อยยิ้มนิดๆ เห็นแล้วเอะใจชอบกล...เป็นรอยยิ้มเศร้าๆ หน้าตาซีดเซียว ดูหม่นหมองผิดกว่าที่เคยเห็น
"คืนนี้แหละพี่! คืนนี้อ๋อยจะไป..."
สุ้มเสียงเลื่อนลอย ดังวู่หวิวคล้ายสายลมพัดมาไกลๆ ผมขนลุกซ่าไปทั้งตัวเมื่อนึกได้ว่ายังไม่ได้เอ่ยปากถามอะไรเธอเลยแม้แต่คำเดียว
"อ๋อยเป็นอะไรไปหรือเปล่า?" ผมเลิกคิ้วอย่างสงสัย เธอก็ส่ายหน้ายิ้มเศร้าๆ ตามเดิม
"เปล่านี่ อ๋อยไม่ได้เป็นอะไร" รอยยิ้มดูฝืดฝืนเต็มที
ใบหน้าขาวซีดผิดปกติจนดูเด่นชัดในความสลัว ผมรินเบียร์ดื่มพลางมองหน้าเธอ
แต่บางครั้งใบหน้านั้นก็เลือนรางไปราวกับไม่มีอ๋อยนั่งอยู่ที่นั่นเลย!
ค่ำนี้เธอไม่ค่อยพูดจาเหมือนวันก่อนๆ
เอาแต่นั่งเหม่อคล้ายหมกมุ่นครุ่นคิดอะไรอยู่ก็เหลือเดา...นักร้องทยอยกันมา
ไม่มีใครทักทายอ๋อย เธอเองก็ไม่ทักทายใครเช่นกัน
ผมสั่งกับแกล้ม 2-3
อย่างแล้วขอตัวเข้าห้องน้ำ...เมื่อกลับออกมาก็ไม่เห็นอ๋อยเสียแล้ว
เธอคงเข้าไปคุยกับเพื่อนๆ หรือเริ่มต้นทำงานแล้วก็ได้
เพราะกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กๆ บนโต๊ะก็หายไปด้วย
ทุ่มเศษ ดนตรีเริ่มโหมโรง ผมหันไปทางบาร์น้ำก็ไม่เห็นอ๋อย ถามสาวเสิร์ฟที่สนิทกัน ทุกคนก็บอกว่าคืนนี้ยังไม่เห็นอ๋อยเลย
ผมรู้สึกไม่สบายใจชอบกล นึกห่วงกังวลถึงอ๋อยอย่างไม่คิดเป็นมาก่อนจนหมดสนุก ตัดสินใจสั่งเบียร์มาดื่มอีกขวดแล้วตัดสินใจกลับบ้าน
วันรุ่งขึ้น
ผมไปถึงคาเฟ่แห่งนั้นราวสี่ทุ่ม...ได้ข่าวว่าคืนที่แล้วอ๋อยเดินทางไปทอด
ผ้าป่ากับเพื่อนๆ เลยรังสิตไปไม่นานก็เกิดอุบัติเหตุชนท้ายรถกระบะ
ได้รับบาดเจ็บกันระนาว
ส่วนอ๋อยกระเด็นออกไปนอกรถ...คอหักตายคาที่เพียงคนเดียว!
ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
บทความที่ได้รับความนิยม
-
ไชยา เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากโรงแรมผีสิง ผมเป็นคนเชียงรายโดยกำเนิด สมัยหนุ่มใช้ชีวิตร่อนเร่ไปตามอำเภอใจ จนมาปักหลักทำงานในอู่ซ่อมรถยนต์ที...
-
ครูดาว เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อเผชิญปีศาจบ้ากาม สมัยสาวๆ ฉันอยู่ห้องเช่าในซอยองครักษ์ บางกระบือ เพื่อนร่วมห้องคือพิสมัย สาวเมืองเลย ผ...
-
ยังมีเรื่อง ผี อยู่เรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นภายในรั้ววังสมัยรัชกาลที่ 5 ครั้งที่พระองค์ท่านย้ายวังมาประทับที่พระราชวังดุสิต ในรัชสมัยของพร...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น